covenant และอีกเช่นเคย The Covenant ก็ยังคงสำเร็จหน้าที่เขียนบทหนังของ 3 ทหารเสือหน้าคุ้น กาย ริตชี ร่วมด้วย อิแวน แอตคินสัน กับ มาร์น เดวีส์ ที่พวกเขาทั้งสองคนต่างผสานมือกันเขียนบทแล้วหลังจากนั้นก็ปรับแก้บทมาด้วยกันในผลงานหลายๆเรื่องนี้ สำหรับในหนังเรื่องนี้นั้นถือว่ามีกลิ่นที่ต่างไปจากงานเดิมของพวกเขาอยู่ไม่น้อย ถึงมันจะยังแทรกสอดกลิ่นความเป็นหนังสุภาพบุรุษแนวถนัดอยู่ไปบ้าง แม้กระนั้นกับมีเส้นเรื่องและก็องค์ประกอบอื่นที่หนักแน่นมากยิ่งกว่า
บางที เราก็ชื่นชอบพาตัวเองไปพบกับหนังสงคราม covenant ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนประทับใจหนังสงคราม แม้กระนั้นเพราะว่าเค้าเรื่องมันน่าสนใจ ดูตัวอย่างแล้วพบว่าปรารถนาดูหนังเต็ม หนังที่มีคำแปลว่า ข้อตกลงร่วมกัน ภาระติดพัน นี่มันจะเล่าเช่นไร การที่คนหนึ่งคน จะฝ่าสันโดษเข้าไปเพื่อช่วยอีกคนที่เขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ ให้รอดกลับออกมา นั่นแหละ เป็นหนังประเด็นนี้
รีวิวหนัง The covenant | ฝ่าสันโดษฝ่าป่าดงตาลีบัน ไปช่วยเพื่อนพ้อง
เกิดเหตุราวของ นายสิบสิบเอก จอห์น คินลีย์ กับ อาเหม็ด ล่ามภาษาชาวอัฟกัน ที่จำเป็นต้องร่อนเร่ต่อสู้ป่าดงตาลีบานร่วมกัน หลังจากกองกำลังของพวกเขาได้ถูกซุ่มโจมตีเป็นอย่างมากถ่วง โดยที่อาเหม็ดได้อุตสาหะอย่างเต็มกำลังเพื่อช่วยเหลือจอห์นเอาไว้ให้ได้ หากแม้เมื่อจอห์นฟื้นขึ้นมารู้ว่า อาเหม็ดยังคงหลบๆซ่อนๆอยู่ที่อัฟกานิสถาน ที่ตาลีบานได้หมายหัวเขาเอาไว้จากความอาจหาญที่เขาได้ช่วยเหลือทหารอเมริกันเอาไว้ ทำให้เขาเลือกที่จะกลับไปสู่สนามรบตัวเองอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือ…เพื่อนเกลอร่วมรบ
ซึ่งภาคนี้ สตาเฮลสกีก็ยังคงกลับมารับหน้าที่ควบคุมเช่นเดียวกันกับยกตัวอย่างเช่น 3 ภาคแรก โดยใช้ค้างแรกเตอร์ที่ประดิษฐ์โดย ดีเร็ก โคลสตัด (Derek Kolstad) พร้อมกับศิลปินชุดเดิมที่กลับมาครบ ทั้ง คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) คนดีคนเดิม ลอว์เรนซ์ ฟิซเบิร์น (Laurence Fishburne), เบื่อ แม็กศาสนาเชน (Ian McShane), สมทบด้วยศิลปินคนใหม่ทั้ง บิล สการ์สการ์ด (Bill Skarsgård), ฮิโรยูกิ ซานาดะ (Hiroyuki Sanada), ดอนนี เยน (Donnie Yen) แล้วหลังจากนั้นก็นักร้องสาวลูกครึ่งญี่ปุ่น-อังกฤษ รินะ ซาวายามะ (Rina Sawayama)
แต่สิ่งที่ Field นำเสนอกลับไม่ใช่การวิเคราะห์ว่านักแสดงอย่าง Lydia เป็นคนที่ดีหรือไม่ดี ตรงกันข้ามเขาเลือกที่จะพาผู้ชมเข้าไปตรวจถึงรากลึกด้านในตัวของวาทยากรสาว พร้อมไปกับความหมายของ ‘อำนาจ’ ที่มีอยู่ในตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัย ผ่านบทสำหรับพูดที่เกิดขึ้นข้างในเรื่องอย่างใกล้ชิดแทน covenant ฉากเดิมทีของเรื่องที่บอกถึงประโยช์จาก Lydia จะต้องเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงในฐานะการบรรลุจุดประสงค์ของคุณ
รีวิว Mission: Impossible
ไม่เชื่อก็ต้องแน่ใจว่า แฟรนไชส์หนังแอ็กชันเสี่ยงภัย อินเดียนา โจนส์ (Indiana Jones) นี่อยู่กับคนทุกตอนมากว่า 42 ปีแล้วครับ แล้วก็ที่สำคัญเป็นผู้เขียนคิดว่าน่าจะเป็นไม่กี่แฟรนไชส์หนังในฮอลลีวูดที่ยังคงความคลาสสิกและก็กลิ่นแบบเดิมๆเอาไว้ได้ครบในทุกภาค ถ้าแถลงการณ์ในเชิงรู้สึกชื่นชอบก็คือ เป็นแฟรนไชส์ที่ทรหดอดทนพอที่จะบางทีอาจจะตัวอย่างเดิมเอาไว้ ไม่พยายามแปลงโน่นนี่เอาใจตลาดจนกระทั่งเกินงาม ส่วนหนึ่งส่วนใดก็บางทีอาจเป็นเพราะเหตุว่าการวางรากฐานของเรื่องราวของ จอร์จ ลูคัส (George Lucas)
15 ปีนับจากภาคที่แล้ว ‘Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull’ (2008) เดินทางมาสู่ภาคที่ 5 ของแฟรนไชส์ใน ‘Indiana Jones and the Dial of Destiny’ หรือ ‘อินเดียนา โจนส์ กับวงล้อที่โชคชะตา’ ซึ่งมาถึงภาคนี้ สปีลเบิร์กที่เคยดูแล และก็สร้างภาพลักษณ์ของอินเดียนา โจนส์ 4 ภาคแรกในความจำของแฟนหนังมาตลอด เลือกที่จะถอยไปนั่งแท่นโปรดิวเซอร์ ส่งไม้กระทั่งกับผู้กำกับแบบใหม่ เจมส์ แมนโกลด์ (James Mangold)
แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งผู้ชมก็น่าจะสัมผัสได้ว่าบทพูดที่เกิดขึ้นกับบนเวทีอาจไม่ได้มีแค่เพียงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบรรลุผลเพียงอย่างเดียว ถึงแม้ว่ายังมีการเสียดสีรวมทั้งเหน็บแหนมผู้ที่ด้อยกว่าผ่านคำพูดของคุณด้วย นอกจากนี้ยังมีหลายฉากที่หญิงสาวถูกใจใช้อำนาจอำนาจบาตรใหญ่ของตนเองโดยที่ไม่สนใจใยดีบุคคลอื่น ซึ่งทำให้เห็นว่าตัวคุณพร้อมที่จะบดขยี้ความรู้สึกของคนคนหนึ่งได้มากเท่าไรในวันที่คุณมีอำนาจ
รีวิว Indiana Jones and the Dial of Destiny: รื่นเริงเสี่ยงภัยวัยปลดเกษียณอายุ ไม่สดใหม่แต่ว่าได้คลาสสิก
ย้อนกลับไปเมื่อ 27 ปีให้หลัง ทอม อาจารย์ซ (Tom Cruise) ได้เริ่มโปรเจกต์แรกของตัวเขาเองในฐานะศิลปินรวมถึงโปรดิวเซอร์หนัง ซึ่งนั้นก็คือ ‘Mission: Impossible’ ภายหลังที่ออกฉายในปี 1996 โลกเลยได้รู้จะกับสาย อีธาน ฮันต์ สายประจำหน่วย IMF (Impossible Mission Force) ที่จำเป็นต้องทำภารกิจในดำเนินการที่เกือบเป็นไปไม่ได้ จากหนังสายขายความไฮเทค ปรับแต่งกลายเป็นแฟรนไชส์หนังแอ็กชันสาย covenant ที่มาพร้อมทั้งฉากเสี่ยงตายสไตล์ ทอม คุณครูซ ที่ในเวลานี้เดินทางมาถึงภาคที่ 7
จากแหล่งกำเนิดสู่การศึกษาเล่าเรียนและก็ทำศึกษาค้นพบตัวเองของเหล่า Guardians of the Galaxy เมื่อเหล่าพยาบาลต่างมีเป้าหมายเป็นของตัวเอง Star-Lord ที่สวมบทโดย Chris Pratt กับการเดินทางครั้งใหม่ที่ไม่มีเงาราคะอร่า รวมทั้งภารกิจใหม่ที่ถ้าเกิดทำไม่เสร็จจะก่อให้เกิดหายนะจะเป็นอะไร มาได้รับภัยไปพร้อมเหล่าแพทย์ในวอลุ่ม 3 กันอีกครั้ง ในชื่อ ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’ และจากนั้นก็ถือว่าเป็นภาคแรกของแฟรนไชส์ที่แบ่งเรื่องราวออกเป็น 2 ตอน
ตัวหนังในภาคนี้เริ่มภายหลังที่ จอห์น วิค หันสู้กับศัตรูน้อยใหญ่ทั้งหลาย แล้วก็อุตสาหะจะหันหลังให้กับสภาขุนนาง (High Table) มาตลอดใน 3 ภาคแรก ซึ่งภายหลังที่เขาถูกอัปเปหิ หรือถูกขับออกมาจากโลกมือสังหาร แถมยังมีชีวิตรอดมาได้ในภาค 3 ค่าจ้างของเขาในหน่วยงานมือสังหารก็เพิ่มสูงขึ้นทุกครั้ง ส่วนตัวเขาเองก็อยากได้ที่จะเป็นอิสระรวมถึงหนีให้พ้นจากอำนาจแล้วหลังจากนั้นก็การควบคุมของวุฒิสภา เขาก็เลยจำเป็นที่จะต้องหันเข้าสู้กับวุฒิสภา จนกระทั่งทำให้ จอห์น วิค แปลงเป็นตัวอันตรายที่วุฒิสภาต้องรีบเด็ดหัวเขาให้ได้อย่างรวดเร็ว
รีวิว ‘Barbie’: ภาพยนตร์จับใจความ WOKE
ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะยิ่งใหญ่ ละลานตา และสง่างามเท่าความยอดเยี่ยมของอภิมหากาพย์นาม “ไททานิค” ได้ ด้วยการเป็นเจ้าของ 11 รางวัลออสการ์ และก็ ภาพยนตร์ดีงาม บอกความรัก ยิ่งใหญ่มือจับหัวใจผู้ชมทั่วโลก นี่เป็นเลิศยอดเยี่ยมภาพยนตร์ที่บรรลุจุดประสงค์สูงสุด สร้างปรากฎการณ์ใหม่ที่ประวัติศาสตร์ พบ ลีโอนาร์โด นักแสดงหนุ่มขวัญใจคนทั้งโลก และ เคท วินสเล็ด ตัวละครสาวผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ร่วมสร้างพลังรักยิ่งใหญ่บนแผ่นฟิล์มในบทแจ๊คกับโรส คู่บ่าวสาววัยรุ่นผู้ค้นพบกันและกัน
รวมทั้งอีกครั้งกับระบบสามมิติ ที่จะมาสร้างความวิจิตรตระการตาให้แก่คุณชื่นชอบกันอีกครั้งใน Titanicในการเดินทางรอบแรกของ “สวรรค์ที่ไม่มีวันจม”ถึงแม้เมื่ออสุรกายตนเดิมกลับมาในรูปแบบของตัวคู่แค้นเก่า อินดี้ ก็เลยจำต้องกลับมาสวมหมวกและฟาดแส้ของเขาอีกครั้ง betflix mt88 เพื่อมั่นใจว่าวัตถุโบราณอันทรงอำนาจจะไม่ได้ตกอยู่ในมือของคนไม่ดี
นามอาร์.เอ็ม.เอส. ไททานิค แม้กระนั้นเมื่อเรือสบายโอฬารลำนี้พุ่งชนเทือกเขาที่เป็นน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนืออันหนาว เหน็บ การต่อสู้เพื่อรักก็เลยกลายเป็นการต่อสู้เพื่อรอดชีวิต ผลงานของเจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับเป็นที่รู้จัก ที่สามารถปราบรางวัลออสการ์มาครองได้จากประเด็นนี้ สานเรื่องราวรักต่างวรรณะกับหายนะครั้งใหญ่ที่ประวัติศาสตร์ไว้ด้วยกัน กลายเป็นงานชิ้นโบแดงเรื่องหนึ่งของโลกภาพยนตร์ ที่ทุกคนต่างพอใจไม่รู้เรื่องคลาย ติดตามเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่ที่เคยสร้างความซาบซึ้งของคุณมาแล้ว
รีวิว Titanic หนังรักที่ติดตราตรึงใจผู้ชมกว่า 23 ปี
เป็นภาพยนตร์ที่มีครบทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ความสนุกสนานร่าเริง ดาราภาพยนตร์แล้วก็ผู้กำกับที่กล้า งานโปรดักชั่นที่บริบูรณ์ ไอคอนที่ทุกคนรู้จักคุ้นเคยอย่างยอดเยี่ยมจั่วหัว รวมทั้งเมื่อได้มองเสร็จก็พบว่า บทแข็งแรงแล้วก็หัวข้อสังคมแน่นๆที่อยู่ใต้เปลือกสีหวานๆที่ฉาบหนังเอาไว้ก็ยิ่งทำให้เราลุ่มหลงในโลกของมันมากขึ้นไปอีกเล่าราวของ อินดี้ ที่พบว่าตัวเองอยู่ในยุคสมัยใหม่แล้วก็กำลังอยู่ในเส้นทางสู่การเกษียณ เขาจำเป็นต้องอุตสาหะหาทางปรับนิสัยไปสู่โลกที่ใหญ่เกินกว่าเขาไปแล้ว
สำหรับในหนังภาคนี้ “สตีเวน สปีลเบิร์ก” ผู้ริเริ่มสร้างตำนานมาตั้งแต่ต้น ไม่ได้กลับมารับหน้าที่นั่งอยู่ด้านหลังเลนส์กล้องที่มีไว้สำหรับถ่ายภาพอีกดังเดิม (แต่ไปเป็นผู้อำนวยการสร้างแทน) ได้ทำส่งไม้ต่อมาให้ผู้กำกับยอดความรู้ความเข้าใจประจำรุ่นปัจจุบันนี้อีกคน อย่าง “เจมส์ แมนโกลด์” covenant มาวาดลวดลายแล้วหลังจากนั้นก็ขับร้องการเสี่ยงอันตรายครั้งใหม่ออกมาได้อย่างมีแนวทางใหม่ๆความหวังจะสร้างความไม่เหมือนให้กับแฟรนไชส์หนังชุดนี้
หากแม้ในขณะเดียวกันสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายของเรื่องก็ล้วนเสร็จพวงที่เกิดจากการใช้อำนาจเพื่อตัวเองด้วยด้วยเหมือนกันผู้กำกับ ‘Ford v Ferrari’ (2019) และก็ ‘Logan’ (2017) ที่ได้รับคำชื่นชมล้นหลาม มารับตำแหน่งดูแลแทนในฐานะผู้ให้กำเนิดเรื่องราว สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ในฐานะผู้กำกับที่วางวิสัยทัศน์ให้กับหนังชุดนี้ แล้วก็ แฮร์ริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford) ดาราที่เล่นบทอินดี้ได้อย่างชนิดที่หาคนอื่นแทนไม่ได้จริงๆ
