ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร ครีเอเตอร์ Facebook มีเฮ รับรายได้ 100%

ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร

ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2020 Facebook ได้เปิดตัวฟีพบร์การตำหนิดตามของแฟนคลับซึ่งปัจจุบันนี้ได้รับผลตอบรับที่ออกจะดีเลิศ รวมทั้ง Facebook ได้ออกมาแจกแจงเสริมเติมว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปจะช่วยทำให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น หาเลี้ยงปากท้องที่ยืนยง รวมทั้งควบคุมธุรกิจที่ผลิตขึ้นเองได้มากขึ้น

การลงทะเบียนเป็นสมาชิก (Subscriptions) เป็นยังไง?

เป็นการสมัครรับข้อมูล ผู้ชมของคุณสามารถช่วยเหลือคุณอย่างสม่ำเสมอเพิ่มขึ้นด้วยการจ่ายเงินค่าติดตามแบบทุกเดือน สิ่งนี้ทำให้ท่านสามารถจำผู้ผลักดันและสนับสนุนที่มีค่าที่สุดของคุณแล้วก็มอบคอนเทนต์พิเศษให้พวกเขาเมื่อพวกเขาตอบโต้กับเพจของคุณ รวมทั้งคุณยังสามารถเลือกที่จะมอบสิทธิประโยชน์เสริมเติม ได้แก่ ไลฟ์สำหรับสมาชิกแค่นั้น ส่วนลดพิเศษ หรือกรุ๊ปสำหรับสมาชิกเพียงแค่นั้น

สมาชิกใหม่ทุกคนสามารถรับเงินได้จาก Facebook

เพื่อช่วยทำให้ครีเอเตอร์เติบโตในธุรกิจนี้ Facebook จะจ่ายโบนัสให้กับครีเอเตอร์ 160 – 640 บาท สำหรับผู้สมัครสมาชิกใหม่ทุกคน ที่ได้รับตั้งแต่วันนี้จนกระทั่งปลายปี 2021 โปรแกรมโบนัสนี้เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของความจริงจังของบริษัทที่จะลงทุนมากยิ่งกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในครีเอเตอร์ ในปี 2022 ครีเอเตอร์สามารถรับโบนัสมากถึง 320,000 บาท ตลอดหลักสูตร โดย Facebook จะปรับปรุงฟีพบร์มาเรื่อยที่จะตอบสนองสิ่งที่ต้องการรวมทั้งช่วยเหลือการเจริญเติบโตของครีเอเตอร์

ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร

สิ่งที่คุณจะได้รับ ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร

Facebook ได้ปประกาศว่าจะไม่เก็บค่าธรรมเนียมอะไรก็แล้วแต่จากครีเอเตอร์ จากรายได้การต่อว่าดตามจากสมาชิกจนกระทั่งปี 2023 (แม้กระนั้นแต่ ครีเอเตอร์ยังจำเป็นต้องเสียรายได้ 15-30% ให้กับบริษัทอย่าง Apple เมื่อใดก็ตามมีผู้ซื้อการสมัครรับข้อมูลข้างในแอพ Facebook บนเครื่องมือโทรศัพท์มือถือ สำหรับในการจ่ายเงินที่เกิดขึ้นประจำ อย่างเช่น การสมัครรับข้อมูล) ซึ่ง Facebook ได้แนะนำทางออกเป็นการให้ครีเอเตอร์สร้างลิงค์ประชาสัมพันธ์ โดยสามารถนำผู้คนไปยังเว็บเพื่อซื้อการสมัครรับข้อมูลโดยใช้ Facebook Pay เมื่อมีผู้ซื้อการสมัครรับข้อมูลที่ได้มาจากเว็บไซต์แห่งนี้บนเว็บไซต์หรือโทรศัพท์มือถือ ครีเอเตอร์จะสามารถคิดเงินได้ 100% โดยไม่รวมภาษี ครีเอเตอร์สามารถค้นหาลิงก์โปรโมตถึงที่กะไว้สตูดิโอ ที่สามารถแชร์กับผู้ชมได้ ซึ่งรวมทั้งทางอีเมล์หรือเนื้อความ

ยิ่งกว่านั้น Facebook จะมีผลให้ครีเอเตอร์รู้เรื่องการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการสมัครรับข้อมูลแล้วก็ค่าธรรมเนียมที่จ่ายได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยคิดแผนที่จะเปิดตัวการแบ่งรายได้คร่าวๆ ซึ่งจะแสดงให้ครีเอเตอร์มีความคิดเห็นว่ารายได้มาจากไหน ภาษีคร่าวๆ และก็จำนวนเงินที่พวกเขาจ่ายให้กับ Apple แล้วก็ค่าธรรมเนียมอื่นๆ

ชื่นชมผู้ผลักดันและสนับสนุนที่เป็นแฟนพันธ์แท้ของคุณ

ผู้ติดตามจะได้รับป้ายชื่อเมื่อสมัครรับข้อมูลที่ได้รับมาจากครีเอเตอร์ เพื่อพวกเขาเด่นในระหว่างมีการ Live Streaming หรือเมื่อให้ความเห็น Facebook ก็เลยได้เพิ่มฟีพบร์ที่น่าดึงดูดอีก 2 อย่างเป็น

ในไลฟ์สตรีมมิ่ง ป้ายชื่อสมาชิกจะมีความต่างกันโดยตรึกตรองจากช่วงเวลาที่บุคคลนั้นเป็นพวก ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร ซึ่งจะก่อให้ครีเอเตอร์มีความสนใจกับผู้ให้การสนับสนุนที่จ่ายค่าติดตามเยอะที่สุดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ในวาระครบรอบการสมัครรับข้อมูล ข้อคิดเห็นของผู้ติดตามจะได้รับการเน้นด้วยสีรวมทั้งแอนิเมชั่นพิเศษเพื่อพวกเขาสะดุดตากว่าคนอื่น

Facebook ยกเครื่อง ‘หน้าฟีด’ ใหม่ จะเน้นย้ำเนื้อหาที่ได้มาจาก ‘ครีเอเตอร์’ มากยิ่งกว่าโพสต์จากเพื่อนพ้องแล้วก็ครอบครัว เพื่อแข่งกับ TikTok

Facebook เห็นด้วยมาพักใหญ่ๆแล้วว่า TikTok ที่แม้ว่าจะมีการใช้งานคนละอย่างกัน กลับเป็นคู่ปรับที่ไม่คาดฝันที่มาชิงเวลาจากผู้ใช้ไป กระทั่งปัจจุบันได้มีการประกาศยกเครื่อง ‘หน้าฟีด’ ใหม่ ที่จะย้ำเนื้อหาที่ได้รับมาจาก ‘ครีเอเตอร์’ มากยิ่งกว่าโพสต์จากสหายแล้วก็ครอบครัว เพื่อชิงชัยกับ TikTok อย่างเป็นจริงเป็นจัง

ต่อแต่นี้ไปในหน้าแรกจะแสดงโพสต์ที่ให้ความบันเทิงเยอะขึ้นจากครีเอเตอร์ และก็จะช่วยทำให้เข้าถึงบริการวิดีโอแบบสั้นทั้งยังฟีพบร์ Facebook Stories แล้วก็ Instagram Reels ซึ่งตอนนี้ Facebook กำลังส่งเสริมให้ผู้ใช้โพสต์บนทั้งคู่แพลตฟอร์ม

ผู้ใช้ที่อยากได้มองโพสต์ปัจจุบันจากเพื่อนฝูง ครอบครัว เพจแล้วก็กรุ๊ปที่ถูกใจจะเจอโพสต์พวกนั้นในแท็บ ฟีดใหม่ ผู้ใช้จะสามารถสร้างรายการโปรดของบุคคลรวมทั้งกรุ๊ปที่ปรารถนามองรายละเอียดได้มากที่สุด

“แอปจะยังคงเปิดสำหรับฟีดส่วนตัวบนแท็บหน้าแรก ซึ่งกลไกการศึกษาค้นพบของพวกเราจะชี้แนะรายละเอียดที่พวกเรารู้สึกว่าคุณจะพึงพอใจสูงที่สุด” มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานข้าราชการบริหารของ Facebook แถลงการณ์ในโพสต์ “แม้กระนั้นแท็บฟีดจะใช้แนวทางปรับปรุงแก้ไขแล้วก็ควบคุมประสบการณ์ของคุณเพิ่มเติมอีก”

รูปลักษณ์ใหม่ของแพลตฟอร์มนี้เกิดขึ้นข้างหลังการประกาศเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า Facebook จะอนุญาตให้ผู้ใช้มีโปรไฟล์ได้สูงสุด 5 โปรไฟล์ในแต่ละบัญชี Facebook บอกว่าตัวเลือกนี้มีจุดหมายเพื่อผู้ใช้ปรับแก้ประสบการณ์ของตัวเองได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเมื่อมีส่วนร่วมกับชุมชนบางที่ ดังเช่น เพื่อนพ้องกับสหายร่วมงาน บนแพลตฟอร์ม

ในปี 2018 Facebook ได้แปลงอัลกอริทึมการชี้แนะเพื่อจัดอันดับจุดสำคัญของโพสต์ที่ผลักดันการมีส่วนร่วม ซึ่งก็คือการยกฐานะเนื้อหาที่ได้รับมาจากสหายและก็ครอบครัว แต่ว่ายังรวมทั้งรายละเอียดที่แตกแยกขัดแย้งซึ่งก่อเกิดปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่ร้ายแรง แล้วก็ต่อจากนั้นเป็นต้นมา Facebook ก็ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางที่ผู้ใช้ค้นหาเนื้อหาใหม่โดยตลอด

รายงานของ CNN Business กล่าวว่า ตรงเวลานับเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร Facebook และก็ Instagram ถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าก็อปปี้คุณลักษณะใหม่ยอดฮิตของแพลตฟอร์มคู่ปรับแทนที่จะสร้างของใหม่ของตนเอง อย่าง Instagram Reels ซึ่งปัจจุบันนี้ Meta กำลังอุตสาหะรวมกับ Facebook นั้นแทบจะราวกับวิดีโอของ TikTok (ความจริงเมื่อฟีพบร์เปิดตัวหนแรก ผู้ใช้ไม่น้อยเลยทีเดียวเพียงแต่อัปโหลดวิดีโอ TikTok ไปยัง Instagram พร้อมโลโก้ของคู่ปรับ)

การอัปเดตแพลตฟอร์มยังดูอย่างกับว่าเป็นการอุตสาหะเอาอย่างการบรรลุผลของ TikTok สำหรับในการยั่วยวนใจผู้ใช้ด้วยการแสดงรายละเอียดที่เสนอแนะ ถึงแม้ Facebook อยากที่จะให้ผู้ใช้มีทางเลือกสำหรับการมีส่วนร่วมกับแนวทางใหม่หรือใช้งานแพลตฟอร์มถัดไปดังเช่นเดิม

บริษัทแม่ของ Facebook อย่าง Meta มานะที่จะคุ้มครองการประลองที่ร้ายแรงจาก TikTok ซึ่งมีส่วนทำให้การเจริญเติบโตของผลกำไรของบริษัทชะลอตัว​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​ในกุมภาพันธ์ Meta สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนด้วยจำนวนการสูญเสียผู้ใช้รายวันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 18 ปี ทำให้ราคาหุ้นย่ำแย่ แม้กระนั้นตรงกันข้าม TikTok มีฐานผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา มากขึ้นมากยิ่งกว่า 110 ล้านคน ก็เลยไม่แปลกที่ Facebook จะดู TikTok เป็นคู่ปรับตัวฉกาจ

Meta อยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านไปสู่บริษัทที่มีศูนย์กลางอยู่ที่อนาคต โดยอาศัย ‘Metaverse’ แทนที่จะเป็นเครือข่ายสังคม แต่ว่าจะต้องรักษากำไรจากแพลตฟอร์มที่มีอยู่เพื่อลงทุนในวิสัยทัศน์นั้น

ดังนี้แท็บฟีดใหม่จะเริ่มปรากฏในแถบทางลัดของ Facebook สำหรับผู้ใช้บางบุคคลในวันพฤหัสบดี (21 ก.ค.) และก็คาดว่าจะเปิดตัวทั่วทั้งโลกในอาทิตย์หน้า

Facebook Reels คืออะไร ใช้งานอย่างไร แจกวิธีสร้างรายได้จาก Reels

รู้จักอาชีพ “Digital Content Creator” เป็นอย่างไร? มีแนวทางอะไรบ้าง

ในสมัยดิจิทัลที่เติบโตอย่างเร็วรวมทั้งไร้ขีดจำกัด การผลิตรายละเอียดหรือผลิตคอนเทนต์บนโลกอินเตอร์เน็ตให้มีคุณภาพ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจก็เลยเป็นสิ่งจำเป็น และก็ด้วยเหตุผลนี้เองก็เลยนำมาซึ่งอาชีพที่เรียกว่า “Digital Content Creator” ขึ้นมา betflix mt88 เพราะเหตุว่า Digital Content Creatorเป็นกำลังสำคัญสำหรับในการประดิษฐ์รายละเอียดเพื่อปรับปรุงเเบรนด์ผลิตภัณฑ์ และก็บริการ รวมทั้งช่วยขับธุรกิจให้เติบโตได้ ฉะนั้นในเนื้อหานี้พวกเราจะมาทำความรู้จักกับอาชีพ Digital Content Creator ผู้สร้างรายละเอียดบนสื่อดิจิทัลหรือสื่อออนไลน์ที่ผู้คนจำนวนมากเคยชินกันอย่างดีเยี่ยม พร้อมเสนอแนะวิธีการทำเช่นไรให้ไปถึงเป้าหมาย

Digital Content Creator เป็นยังไง มีบทบาทเช่นไร?

Digital Content Creatorหมายถึงผู้สร้างรายละเอียดหรือนักสร้างคอนเทนต์บนสื่อดิจิทัลทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะอยู่บนบล็อก, เว็บ, แอปพลิเคชัน, สื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือสื่อดิจิทัลใดก็ตาม โดยรายละเอียดนั้นอาจมาในแบบอย่างงานด้านการเขียนบทความ ภาพกราฟิก วิดิโอ เสียง อื่นๆอีกมากมาย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการรับทราบ ให้ความรู้ความเข้าใจ ความรื่นเริงใจ ที่สำคัญจำเป็นต้องบอกตัวตนของแบรนด์ หน่วยงาน หรือธุรกิจนั้นๆได้ด้วย

ดังนี้ รายละเอียด หรือคอนเทนต์ที่ผลิตออกมาควรมีความน่าดึงดูดใจ น่าสนใจให้น่าติดตาม ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร เพราะว่าเป้าหมายหลักของ Digital Content Creatorหมายถึงการผลิตการมีส่วนร่วมกับคนอ่านหรือผู้ชม รวมถึงกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจ เนื่องด้วยรายละเอียดที่ผลิตออกมานั้น เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของยุทธวิธีทางการตลาดบนวิถีทางออนไลน์ต่างๆรวมทั้งการตลาดบนเครือข่ายสังคม ที่ช่วยเคลื่อนแบรนด์ หรือธุรกิจให้เติบโตมีชื่อเสียงรวมทั้งสร้างความต่างจากคู่ปรับได้

โดย ดิจิทัลครีเอเตอร์มักแอบแฝงจะตัวอยู่ในตำแหน่งต่างๆของบริษัท ตัวอย่างเช่น Copywriter, SEO Specialist, Creative Director ฯลฯ แล้วก็หน้าที่ในวันแล้ววันเล่าของเหล่าดิจิทัลครีเอเตอร์ก็จะแตกต่างออกไป ขึ้นกับว่าเป็นนักสร้างคอนเทนต์จำพวกใด ได้แก่ ด้านงานนิพนธ์ ด้านกราฟิก ด้านวิดิโอ ฯลฯ นอกเหนือจากการค้นหาข้อมูลหรือความคิดใหม่ๆตลอดระยะเวลาแล้ว หน้าที่หลักที่จะคล้ายกัน เป็นต้นว่า

  • พินิจพิจารณาแบรนด์หรือธุรกิจก่อนผลิตคอนเทนต์ออกมา เพื่อได้รับรู้ว่าควรจะผลิตคอนเทนต์อะไร ต้นแบบไหน จำต้องติดต่อสื่อสารผ่านวิถีทางใด ถึงจะเข้าตรงกลุ่มเป้าหมายสูงที่สุด
  • คิดแผน และก็ผลิตคอนเทนต์จริง โดยกำหนดให้กระจ่างแจ้งเลยว่าจะลงผลงานกี่ชิ้นต่อเดือน เวลาใด เผยแพร่หนทางออนไลน์ใดบ้าง แล้วลงมือสร้างคอนเทนต์จริงออกมา
  • วิเคราะห์ความเรียบร้อยของผลงานก่อนออกสู่สาธารณะ
  • ติดตามผลแล้วก็คุณภาพของงานภายหลังจากเผยแพร่ไปแล้ว เพื่อนำมาต่อยอดหรือปรับแต่งงานถัดไปในอนาคต

Digital Content Creator ต่างจาก Content Creator ยังไง

จะต้องชี้แจงให้รู้เรื่องว่า Digital Content Creator (ดิจิทัลคอนเทนต์) กับ Content Creator (คอนเทนต์ครีเอเตอร์) นั้นไม่เหมือนกัน ด้วยเหตุว่า Content Creatorเป็นนักประดิษฐ์รายละเอียด โดยไม่กำหนดว่าจะอยู่บนแพลตฟอร์มใด บางครั้งก็อาจจะผลิตบนแพลตฟอร์มของสื่อออนไลน์ สื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือจะอยู่ในต้นแบบออฟไลน์ ดังเช่นว่า หนังสือพิมพ์, แมกกาซีน, ใบเสร็จรับเงินกระดาน ก็ได้เช่นเดียวกัน

แม้กระนั้นดิจิทัลครีเอเตอร์นั้นจะผลิตรายละเอียดออกมาเพื่อเผยแพร่บนสื่อออนไลน์แค่นั้น ที่พวกเราจะรู้จักมักคุ้นเคยกัน ยกตัวอย่างเช่น Facebook, Instagram, YouTube, TikTok ฯลฯ

Les Reels arrivent sur Facebook ! - So-Buzz

วิธีการเป็น Digital Content Creator ที่บรรลุผลสำเร็จ

การดำรงชีพ ใน สมัย ดิจิทัล อย่างการเป็น Digital Content Creator ให้บรรลุความสำเร็จได้นั้น ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร นอกเหนือจากการมีความถนัดทางด้านการเขียนแล้ว คุณควรจะมี Digital Content Creator Skills ด้านอื่นๆเพิ่มเติมอีกด้วย ดังเช่นว่า

1. เสริมความสามารถด้าน SEO

โลกที่การตลาดออนไลน์ในขณะนี้ ทำให้ท่านจำต้องแข่งสำหรับเพื่อการสร้างคอนเทนต์ให้น่าดึงดูด แล้วก็ทำให้ Search Engine ตัวอย่างเช่น Google พอใจในตัวคุณ เพื่อคอนเทนต์ของคุณเติบโตได้ไวที่สุด ฉะนั้นการศึกษา SEO พื้นฐานก็เลยเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ว่าจะความสามารถการเขียน การใช้งานเครื่องมือสำหรับในการหาคีย์เวิร์ด เพื่อนำมาประยุกต์ในงาน ด้วยเหตุว่าแนวทางทำ SEO จะทำให้เว็บของคุณได้โอกาสติดอันดับต้นๆสำหรับการค้นหา ทำให้แบรนด์เป็นที่น่าไว้วางใจเพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญหมายถึงช่วยเพิ่มยอดผู้ชมเว็บโดยที่พวกเราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับในการโปรโมตด้วย แล้วก็ถ้าเกิดเว็บของคุณมีการอัปเดตรายละเอียดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น Video Content, Brand Content หรือคอนเทนต์ใดๆ ก็จะสามารถช่วยให้รักษาฐานผู้ติดตามแบรนด์หรือธุรกิจไว้ได้

2. จำต้องศึกษาค้นคว้า พินิจพิจารณา แล้วก็พิจารณารายละเอียดอย่างละเอียด

คอนเทนต์ที่ดีนอกจากจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลเยอะๆเพื่อนำมาผลิตคอนเทนต์แล้ว คุณจึงควรเอามาพินิจพิจารณาให้เป็น แล้วก็จะต้องมีการกลั่นกรองความเป็นจริงก่อนเผยแพร่รายละเอียดออกสู่โลกอินเตอร์เน็ต เพื่อนำเสนอข้อมูลที่ถูกรวมทั้งมีประโยชน์ต่อคนอ่านเยอะที่สุด นอกเหนือจากนี้ การศึกษาเล่าเรียนงานของบุคคลอื่น จะช่วยทำให้คุณได้อัปเดตวิชาความรู้อยู่เป็นประจำ ทั้งยังช่วยในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจสำหรับในการเขียนให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วย

3. ควรจะมีความสม่ำเสมอ

ยิ่งคุณเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นประโยชน์และสม่ำเสมอมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีคนสนใจเข้าชมเว็บไซต์หรือช่องทางสื่อที่คุณแผยแพร่มากเท่านั้น ที่สำคัญต้องทำคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ มีความต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการมองเห็น ขยายฐานผู้ติดตาม และกลุ่มเป้าหมายของคุณจะได้ไม่ลืมคุณด้วย

4. ศึกษากลุ่มเป้าหมาย

หากคุณศึกษาลึกลงไปเกี่ยวกับกลุ่มคนติดตามคอนเทนต์ของคุณ หรือกลุ่มลูกค้าของคุณได้มากพอ คุณจะพบกับความน่าสนใจและแนวคิดใหม่ ๆ แบบที่ไม่เคยพบมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลพื้นฐานทางประชากรศาสตร์ เช่น อายุ ความชอบ การศึกษา ภูมิศาสตร์ ประวัติการซื้อ ฯลฯ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างเนื้อหาคอนเทนต์ได้ตอบโจทย์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคุณได้รู้จักกลุ่มกลุ่มเป้าหมายของคุณอย่างแท้จริงว่าเขาชอบอะไร สนใจอะไร หรือมีแนวคิดการใช้ชีวิตอย่างไร จากนั้นนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์และปรับใช้ให้เข้ากับกลยุทธ์ในการสร้าง Brand Content ให้เป็นประโยชน์ ดังนั้นหากอยากเป็นดิจิทัลครีเอเตอร์ที่ประสบความสำเร็จก็อย่าลืมศึกษากลุ่มเป้าหมายของคุณให้ดีล่ะ

5. ต้องรู้จักประเมินและวิเคราะห์แบรนด์หรือธุรกิจด้วย

คุณจำเป็นต้องรู้จักบุคลิกและตัวตนของแบรนด์ รวมไปถึงจุดแข็ง จุดอ่อน  ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร วิธีการของคู่แข่ง และแนวทางปฏิบัติที่จะทำให้คอนเทนต์ของคุณเกิดมูลค่าสูงสุด อย่างไรก็ตาม คุณจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเนื้อหาที่สื่อสารออกไป มีความกลมกลืนกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ถึงจะเรียกว่ามีประสิทธิภาพ ดังนั้นการวิเคราะห์แบรนด์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และยังช่วยในการคาดการณ์ ROI หรือผลตอบแทนจากการลงทุนผลิตเนื้อหาที่สื่อสารออกไปอีกด้วย